วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Canon MP287 Error P07 Clear Counter

     Canon MP287 อาการ P07 (ตัวเครื่องแจ้งซับหมึกเต็ม)


     อาการ : เปิดเครื่องแล้ว ตัวเครื่องจะแจ้ง Code P07 อยู่ตลอดเวลา ทำให้ใช้งานไม่ได้

    หมายเหตุ อ่านก่อน สำคัญมาก : เนื่องจากมีเครื่องล็อตใหม่ออกมาทำให้การเคลียร์ซับหมึก การเข้า service mode การใช้โปรแกรมเคลียร์ซับหมึก มีปัญหาต่อตัวเครื่อง แนะนำให้อ่านคำแนะนำก่อนครับ
     1. ตัวเครื่องรุ่นใหม่ S/N จะเริ่มต้นด้วย LFXX ตัวนี้ถ้าเข้า Service Mode ไม่ถูกจะทำให้เครื่องล็อคไม่สามารถเข้า Service Mode ได้อีก ( ณ วันนี้ผมยังไม่มีวิธีแก้)
     2. เครื่องที่มี S/N ขึ้นต้นด้วย LFXX จะต้องใ้ช้ Service Tools V.3200 ขึ้นไป ถ้าต่ำกว่านี้ก็จะไม่สามารถเคลียร์ Counter ผ่านได้ (วิธีดูง่ายๆ ก็เปิดฝาสแกนเนอร์ขึ้น S/N จะอยู่บริเวณตามรูปด้านล่างครับ)



    
     
     วิธีการแก้ปัญหา : ให้ทำการ Clear Counter (หรือเรียกกันทั่วไปว่า เคลียร์ซับหมึก) เข้า Service Mode โดยวิธีดังต่อไปนี้
   
   
            1. ปิดเครื่อง รอจนกว่าปริ้นเตอร์จะดับสนิท
            2. กดปุ่ม Stop / Reset ค้างไว้ แล้วกดปุ่มเปิดเครื่องค้างไว้ 
            3. ปล่อยปุ่ม Stop / Reset และกด Stop / Reset 6 ครั้ง 
            4. หลังจากนั้นปล่อยมือจากปุ่ม Power และรอจนกว่าไฟสถานะเครื่อง (สีเขียว) หยุดกระพริบ
            5. จากนั้นใส่กระดาษลงไป 2 แผ่น และเชื่อมต่อสาย usb กับคอมพิวเตอร์ให้เรี่ยบร้อย
            6. เปิดโปรแกรม Service Tools เพื่อทำการเคลียร์ซับหมึก


    MP287 LBXX          /          Service Tools V.3200    

            
(Service Tools ตัวนี้เป็นตัวเก่าที่ใช้เคลียร์ MP287 S/N ขึ้นต้นด้วย LBXX ครับ)



             7. ทำตามขั้นตอนตามรูป กดปุ่ม Main 1 ครั้ง เครื่องปริ้นจะปริ้นกระดาษแผ่นแรกออกมา และรอจนกว่าจะมีข้อความว่า A function was finished จากนั้นกด OK
          8. กดปุ่ม platen 1 ครั้ง 
          9. กดปุ่ม EEPROM 1 ครั้ง เครื่องปริ้นจะปริ้นกระดาษแผ่นที่ 2 ออกมา
        10. กดปุ่ม Power เพื่อปิด และเปิดเครื่องอีกครั้ง  
        11. กดทดสอบหัวพิมพ์ หรือลองสั่งปริ้นตัวเครื่องจะแจ้ง E13 ก็กด Stop / Reset ค้างไว้ประมาณ 5  วินาที ตัวเครื่องจะแจ้ง 2 ครั้งทั้งตลับ ดำและสี เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จแล้วกับการเคลียร์ซับหมึกของ MP287 ครับ

อัพเดท วิธีเคลียร์ซับหมึก MP287 S/N ขึ้นต้นด้วย LFXX ครับ โดยใช้ Service Tools v.3200 ขึ้นไปครับ

                          
(Service Tools v.3200 ใช้เคลียร์ MP287 S/N ขึ้นต้นด้วย LFXX ครับ วิธีตามรูปเลยครับ)
รูปภาพจาก  http://ekohasan.blogspot.com


          สำหรับวิธีการเคลียร์ซับหมึก หรือ Clear Counter ก็จบไปแล้ว หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็เสนอแนะกันเข้ามาครับ เพื่อที่จะได้แชร์ข้อมูล ความรู้ให้ถูกต้องสำหรับการแก้ปัญหาในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้นครับ ขอบคุณครับ _/I\_                                   


วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ความแตกต่างระหว่าง Laser Printer กับ Inkjet Printer


     1. การฉีดน้ำหมึก (InkJet)


     2. การฉาบผงหมึก (Draft หรือเรียกว่า Laser เพราะใช้แสง ‘optical’ ในการวาดภาพบน Drum ก่อนแล้วให้กระดาษผ่าน Drum ไป เหมือนปั้มออกมา) นั้นคุณภาพต่างกัน ครับ ถึงแม้ความละเอียดของ InkJet จะไปถึง 4,800dpi หรือ 19,200 dpi แล้วก็ตาม แต่ข้อจำกัดของ “น้ำ” คือมี “การซึม” บนตัวกระดาษ หรือการผืนผิวที่ดูดซับน้ำได้ นั้นยังคงไม่ค่อยดี นัก ซึ่ง Laser ที่มีขนาดความละเอียด 600 dpi นั้นให้คุณภาพในการพิมพ์มากกว่า InkJet ในความละเอียด 4,000 dpi มากครับ เนื่องจากผงหมึกนั้นไม่มีคุณสมบัติที่ก่อให้เกิดการซึมได้ง่ายเ่ท่าน้ำครับ
การใช้ความร้อนในการทำให้ผงหมึกแกะติดกับกระดาษนั้นทำให้ ผลงานที่ออกมานั้นดีกว่ามากครับ ส่วนที่ทำให้ InkJet นั้นพิมพ์ได้เกือบใกล้เคียง แล้วก็ตามแต่จุดอ่อน นั้นไม่ได้ถูกลบไป แต่แก้ไขด้วยการทำให้จุดสีนั้นลดลงเรื่อยๆ เพื่อลดการซึม ซึ่งทดสอบได้โดยหยดหมึกปากกา ที่ระดับความสูงเท่ากัน แต่หยดหมึกต่างกันนั้น จะได้ความกว้างของการซึมต่างกัน 
     แต่ผงหมึกไม่มีการซึม แต่ต้องแลกกับราคาที่แพงกว่า เพราะมีความซับซ้อนในกระบวนการทำงานมากกว่า เพราะมีระบบที่ทำงานเทียบเท่าเครื่องถ่ายเอกสาร (ก็มันหลักการเดียวกันนั้นหล่ะ) แต่ด้วยที่ระบบคอมฯ เป็นระบบสั่งการด้วย ดิจิตอล ทำให้มันต้องทำการแปลงค่าต่างๆ ของคอมฯ เข้ามา หรือพวก PostScript หรือพวก Draft ต่างๆ ด้วยนั้นเอง ทำให้ราคาสูงกว่า แต่เราต้องเทียบกับความคุ้มในการพิมพ์ด้วย ด้วยผงหมึกของ Leser จำนวน 1 ตลับ นั้น สามารถพิมพ์ได้ 4,000 – 10,000 แผ่น โดยประมาณ แล้วแต่ยี่ห้อ, รุ่น และลักษณะการใช้งานด้วย ด้วยราคา 2,000 – 5,000 บาท ในรุ่นระดับ Consumer ถึง SOHO หรือระดับ Enterprise ที่ 10,000 -> นั้นมีราคาต่อแผ่น A4 ที่ 0.10 – 0.25 สตางค์ เท่านั้น
เมื่อเทียบกับตลับหมึกของ InkJet ราคาตลับหมึกตั้งแต่ 250 – 2,500 บาท แต่พิมพ์ได้มากที่สุดที่ทำได้ (อ่านจากหนังสือและประสบการณ์ที่ใช้มา) ไม่เคยเกิน 400 แผ่น หรือกระดาษหนึ่งรีมครับ และต้นทุนต่อแผ่นตก 2.50 – 35 บาท ในสิ่งพิมพ์ขาวดำ – สี ซึ่งไม่นับรวมกับเติมหมึก แต่ถ้ารวมการเติมหมึกด้วยต้องเทียบทั้งสองฝ่ายคือ InkJet และ Laser ครับ เพื่อความเสมอภาคกัน ซึ่งถ้าโดยรวมแล้ว Laser นั้นคุ้มกว่าในระยะยาว ถ้าคิดจะใช้ 4 – 10 ปี นี่คุ้มแน่นอน
     ต่อมาเรื่องความเร็ว และความเงียบ นั้น Laser ทำงานได้ดีกว่า ทั้งเรื่องความเร็ว ความเร็วเป็นจุดเด่นของ Laser การพิมพ์หน้าขาวดำได้ต่ำสุดในตอนนี้ส่วนใหญ่คือ 20 หน้าต่อนาที่ ซึ่งตัวเลขนี้ไม่ขึ้นลง เหมือนกับ InkJet ที่พิมพ์เต็มหน้าก็็ใช้เวลาหลายนาที ต่อ 1 หน้ากระดาษ ซึ่งค่าความเร็วในการพิมพ์ต่อนาทีเป็นจำนวนหน้าของ Lasaer เป็นค่าที่ค่อนข้างเป็นที่ต้องการอย่างมากของคนที่ทำงานใน SOHO หรือ Office อยู่แล้วและยังไม่มี InkJet ใดสามารถทำลายเรื่องความเร็วและความสะดวกในส่วนนี้ได้ ส่วนเรื่องความเงียบนั้น แน่นอนว่าเงียบอย่างมาก แต่ Laser มีข้อเสียคือผงหมึกนั้นมีอันตรายต่อร่างกายมาก ข้อนี้ต้องระวังให้ดีด้วย แต่เหตุผลที่คนใช้ Laser กันน้อยกว่่าในระดับ Home User (Consumer) เพราะว่าด้วยราคาเริ่มต้นไม่น่าจูงใจการซื้อมาใช้ ประกอบกับ Laser พิมพ์ภาพสีได้ด้อยกว่า InkJet  ทำให้เหมือนกับ ความแตกต่างทางแนวคิด แนวทางการทำตลาดครับ ซึ่ง InkJet ส่วนใหญ่ทุกยี่ห้อจะทำคลาดระดับ Home User หรือ SOHO  ส่วน Laser นั้นส่วนใหญ่ทุกยี่ห้อจะทำคลาดระดับ Corperate หรือ Enterprise มากกว่า











ข้อมูลจาก qghservice.com

Printer (เครื่องพิมพ์) คือ

             เครื่องพิมพ์ หรือพริ้นเตอร์ (Printer) เป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในส่วนของหน่วยแสดงผล โดยการพิมพ์ข้อมูล ออกมาเป็นตัวอักษร ตัวเลข และรูปภาพ โดยพิมพ์ข้อมูลเหล่านี้ออกมาในรูปของกระดาษ ก่อนทำการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์ หรือพริ้นเตอร์ (Printer) เราควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับชนิดหรือประเภทของ Printer ในแบบต่างๆ เพื่อเลือกให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการใช้งาน เช่นใช้เครื่องพิมพ์ (Printer) ในการพิมพ์งานเอกสารทั้งแบบ สี และขาวดำ ในปริมาณมากๆก็ต้องใช้ เครื่องพิมพ์ (Printer) ประเภทที่ใช้งานด้านธุรกิจ หรือพิมพ์รูปภาพ ก็ควรเลือกเครื่องพิมพ์ที่รองรับกับกระดาษโฟโต้ รองรับการทำงานด้านหมึกสี คือเน้นคุณภาพด้านสีเป็นหลัก และต้องดูการรองรับของเครื่องต่อจำนวนหรือปริมาณการพิมพ์การใช้งาน เป็นต้น
          
          1.เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีคุณภาพสูงมาก และราคาเครื่องพิมพ์ก็มีราคาสูงมากด้วยเช่นกัน ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะทำงานได้เร็วกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก และคุณภาพของผลลัพธ์ทั้งด้านความคมชัดและรายละเอียดทำออกมาได้ดีกว่าแบบพ่นหมึกมาก
ชนิดของเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ชนิดของเครื่องพิมพ์เลเชอร์ มีทั้งแบบ สี และ ขาวดำ
ความหมายของเครื่องพิมพ์เลเซอร์ หมายถึง เครื่องพิมพ์แบบหนึ่งที่ใช้ลำแสงเลเซอร์ในการสร้างภาพและถ่ายทอดลงสู่กระดาษด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (ทำงานคล้ายเครื่องถ่ายเอกสาร) ความ เร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์นั้นวัดกันเป็นหน้าต่อนาที (ppm) เช่น 10 หน้าต่อนาที เป็นต้น (เพราะพิมพ์ครั้งละหนึ่งหน้า) ส่วนคุณภาพของการพิมพ์นั้น วัดเป็นจุดต่อนิ้ว (dpi) เช่น 600 จุดต่อ 1 นิ้ว ยิ่งมีจุดมาก แสดงว่ามีความละเอียดมาก ภาพจะคมชัดกว่าภาพที่มีจุดน้อยหรือมีความละเอียดน้อย
ความนิยมของเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ราคาของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ลดลงกว่าปีจึงมีต้นทุนของเครื่องพิมพ์ เลเซอร์และหมึก นอกจากนี้ขนาดของเครื่องพิมพ์ดังกล่าวได้หายไปและวันนี้ยังลงขนาดที่เป็นที่ยอมรับสำหรับใช้ในบ้านและสำนักงานขนาดเล็กด้วย สิ่งนี้เป็นหลักหมายถึงคือการพัฒนาและวิจัยเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการพิมพ์ที่ไม่สิ้นสุด อุปกรณ์เหล่านี้เป็นที่พอใจของทุกความต้องการและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับเอกสารและบรรลุมาตรฐานสูงสุดของคุณภาพและความน่าเชื่อถือและจะพยายามตั้งมาตรฐานใหม่สำหรับเดียวกัน กันและการพัฒนาทุกจะเขียนลงในบทใหม่ของประวัติศาสตร์และมีโอกาสที่ประวัติศาสตร์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะไม่สิ้นสุด

2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก หรือ เครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ต เป็นเครื่องพิมพ์ที่ทำงานโดยการพ่นหมึกออกมาเป็นหยดเล็กๆ ลงบนกระดาษ เมื่อต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใดๆ เครื่องพิมพ์จะทำการพ่นหมึกออกตามแต่ละจุดในตำแหน่งที่เครื่องประมวลผลไว้อย่างแม่นยำ ตามความต้องการของเรา ซึ่งเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะมีคุณภาพดีกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ โดยรูปที่มีความซับซ้อนมากๆเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ชัดเจนและคมชัดกว่าแบบดอตแมทริกซ์

3. เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน (Thermal printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ทำงานโดนการให้ความร้อนแก่กระดาษ ใช้ในการพิมพ์ในเสร็จรับเงินเช่น ATM

4. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot-matrix printer) การทำงานของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้คือจะใช้การสร้างจุดลงบนกระดาษ ซึ่งหัวพิมพ์จะมีลักษณะเป็นหัวเข็ม เมื่อต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใดๆ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งตามรูปประกอบนั้นๆ จะยื่นออกมามากกว่าหัวอื่นๆ และกระแทกกับผ้าหมึกลงกระดาษที่ใช้พิมพ์ จะทำให้เกิดจุดมากมายประกอบกันเป็นรูปเกิดขึ้นมา เครื่องพิมพ์ประเภทนี้เป็นที่นิยมกันอย่างมากเพราะมีราคาถูกและคุณภาพเหมาะสมกับราคา แต่ข้อเสียคือเวลาสั่งพิมพ์จะเกิดเสียดังพอสมควร
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ ในปัจจุบันส่วนใหญ่ นิยมใช้กันมี 3 แบบ
  1. เครื่องพิมพ์แบบ 9 เข็ม
  2. เครื่องพิมพ์แบบ 24 เข็ม
  3. เครื่องพิมพ์แบบ 32 เข็ม

        5.พล็อตเตอร์ (Plotter) เป็นเครื่องพิมพ์แบบที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลลงบนกระดาษ ซึ่งเครื่องพิมพ์ประเภทนี้เหมาะกับงานเขียนแบบของวิศวกรและสถาปนิก และเครื่องพิมพ์ประเภทนี้มีราคาแพงที่สุดในเครื่องพิมพ์ประเภทต่างๆ










ข้อมูลจาก Wikipedia®